สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (31 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งการที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทุกเดือนเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 8.9 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 1,848.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 40.8 เซนต์ หรือ 1.85% ปิดที่ 21.688 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 25.3 ดอลลาร์ หรือ 2.68% ปิดที่ 968.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 48.50 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 2,006.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.85% เมื่อคืนนี้ โดยการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดแสดงความเห็นว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่รุนแรงขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น หากอัตราเงินเฟ้อยังไม่มีแนวโน้มชะลอตัวลง พร้อมกับแนะนำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทุก ๆ ครั้งนับตั้งแต่การประชุมเดือนมิ.ย. จนกว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้
"หากเงินเฟ้อยังไม่ชะลอตัวลง อัตราดอกเบี้ยก็ควรถูกปรับให้แรงขึ้นและรวดเร็วขึ้น เราคงจะไม่นั่งรอนานถึง 6 เดือนจึงจะดำเนินการดังกล่าว ในมุมมองของผมแล้ว ผมแนะนำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทุกครั้งนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้ จนกว่าเราจะเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวลง และหากเงินเฟ้อไม่ปรับตัวลดลง ผมก็ไม่แนะนำให้เฟดหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ย" นายวอลเลอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมซึ่งจัดโดยสถาบันเสถียรภาพด้านการเงินและนโยบายการเงินที่เยอรมนีเมื่อวันจันทร์ (30 พ.ค.)