สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (22 ก.ค.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ หลังจากลดลง 5 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 14 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ 1,727.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. และเพิ่มขึ้น 1.4% ในรอบสัปดาห์นี้ หลังจากลดลง 5 สัปดาห์ติดต่อกัน
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 10.2 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 18.617 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.99% ปิดที่ 867.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 142.10 ดอลลาร์ หรือ 7.6% ปิดที่ 2,018.80 ดอลลาร์/ออนซ์
การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยหนุนสัญญาทองคำ โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.17% แตะที่ระดับ 106.7300
นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในวันศุกร์ได้ช่วยหนุนแรงซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเอสแอนด์พี โกลบอลรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.5 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 26 เดือน จากระดับ 52.3 ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว โดยเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 โดยถูกกดดันจากภาวะหดตัวในภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2563
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 52.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 24 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนมิ.ย. และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 47.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 26 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนมิ.ย.