สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนในวันพฤหัสบดี (4 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการซ้อมรบของจีนรอบเกาะไต้หวัน
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 30.5 ดอลลาร์ หรือ 1.72% ปิดที่ 1,806.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 22.8 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 20.122 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 36.4 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 924.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 69.60 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 2,077.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.76% แตะที่ระดับ 105.6940
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ
นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการซ้อมรบของจีนรอบเกาะไต้หวัน ซึ่งมีการยิงขีปนาวุธตกลงในน่านน้ำญี่ปุ่น
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแถลงว่า กองทัพจีนได้ยิงขีปนาวุธ 9 ลูกเมื่อวานนี้ และจำนวน 5 ลูกได้ตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น (EEZ) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่จีนได้ยิงขีปนาวุธตกลงในบริเวณดังกล่าว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะฮาเตรูมะ
การยิงขีปนาวุธของจีนส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินการประท้วงทางการทูตต่อรัฐบาลจีน และเรียกร้องให้จีนยุติการซ้อมรบใกล้เกาะไต้หวันโดยทันที
ทั้งนี้ จีนได้ยิงขีปนาวุธดังกล่าวในการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันเพื่อตอบโต้ต่อการเดินทางเยือนกรุงไทเปของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยการซ้อมรบจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 7 ส.ค.