สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (12 ส.ค.) และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.30 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,815.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 1.3% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2564
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 34.90 เซนต์ หรือ 1.72% ปิดที่ 20.698 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ทรงตัวที่ระดับ 959.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 69.00 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 2,219.40 ดอลลาร์/ออนซ์
อย่างไรก็ตาม ราคาสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ราคาทองยังถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายยังคงแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้มีสัญญาณว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดความต้องการซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจในวันศุกร์ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.5 จากระดับ 51.5 ในเดือนก.ค.
ขณะเดียวกันผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.0% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยต่ำกว่าระดับ 5.2% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และสำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 3.0% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 2.9% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว