สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 30 ดอลลาร์ในวันพุธ (28 ก.ย.) โดยได้แรงหนนุจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 33.8 ดอลลาร์ หรือ 2.07% ปิดที่ 1,670 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 54.3 เซนต์ หรือ 2.96% ปิดที่ 18.88 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 21.1 ดอลลาร์ หรือ 2.51% ปิดที่ 860.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 78.70 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 2,169.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 1.31% สู่ระดับ 112.6080 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลง 0.26% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศมาตรการสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน ด้วยการรับซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอังกฤษจำนวนมากเท่าที่มีความจำเป็นตั้งแต่ขณะนี้จนถึงวันที่ 14 ต.ค.นี้
"BoE จะทำการซื้อพันธบัตรในขนาดที่มีความจำเป็นเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพในตลาด เนื่องจากหากตลาดยังคงมีความผันผวนต่อไปก็จะสร้างความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักร" BoE ระบุในแถลงการณ์เมื่อช่วงเย็นวานนี้