สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (18 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.2 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,655.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 11.9 เซนต์ หรือ 0.64% ปิดที่ 18.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.69% ปิดที่ 907.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 2,013.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ระดับ 112.1310 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ตลาดทองคำยังได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย.และธ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาด โดยหากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกัน 5 ครั้ง หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.,ก.ค.และก.ย.
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ราคาทองคำดิ่งลงเกือบ 10% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่าราคาทองจะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจะแตะระดับ 1,600 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี เนื่องจากเฟดยังคงคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ