ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,820 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังพุ่งขึ้นวานนี้ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ
ณ เวลา 18.24 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลบ 6.10 ดอลลาร์ หรือ 0.33% สู่ระดับ 1,819.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดวานนี้พุ่งขึ้น 33.20 ดอลลาร์ หรือ 1.85% สู่ระดับ 1,825.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. ขานรับการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนก.พ.2566 ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินนัดแรกของเฟดในปีหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดวานนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 58.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.2566 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักเพียง 35.1%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในคืนนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% หลังจากปรับขึ้น 0.75% เป็นจำนวน 4 ครั้งติดต่อกัน ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลหลังการประชุมคืนนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566 รวมทั้งการเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟดในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะส่งสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดจนถึงปี 2568
ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้น 30% สู่ระดับ 2,250 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า
ทั้งนี้ นายเอริค โรเบิร์ตเซน หัวหน้านักวิจัยระดับโลกของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานชื่อ "เรื่องเซอร์ไพรส์ของตลาดการเงินในปี 2566" หรือ "The financial-market surprises of 2023" โดยได้ระบุถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งตลาดได้มองข้ามไป
หนึ่งในเหตุการณ์ในรายงานดังกล่าวคือการที่ราคาทองจะพุ่งขึ้น 30% สู่ระดับ 2,250 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองเพื่อหาเสถียรภาพ ท่ามกลางความผันผวนในตลาดหุ้น