สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันอังคาร (3 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 19.9 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,846.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 19.6 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 24.236 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 10.4 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 1,093.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 105.10 ดอลลาร์ หรือ 5.9% ปิดที่ 1,692.90 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับ 3.739% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองจะดีดตัวขึ้นในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มที่ธนาคารกลางชาติต่าง ๆ ยังคงซื้อทองคำเข้าสู่ทุนสำรอง และปัจจัยบวกจากคำสั่งซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์
นายเยิร์ก คีเนอร์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของบริษัทสวิส เอเชีย แคปิตอล กล่าวว่า ราคาทองคำอาจพุ่งสูงถึง 4,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในปี 2566 เนื่องจากหลายประเทศอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนในทองคำ
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนธ.ค.ของเฟดในวันพุธที่ 4 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 5 ม.ค. และจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์นี้ด้วย