สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือนในวันศุกร์ (13 ม.ค.) และปิดเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐชะลอตัวลง และคาดว่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 22.9 ดอลลาร์ หรือ 1.21% ปิดที่ระดับ 1,921.7 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นการปิดตลาดเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. และปิดตลาดสัปดาห์นี้บวก 2.8%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 36.8 เซนต์ หรือ 1.53% ปิดที่ 24.372 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 11.8 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,072.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,787.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 เดือน หลังการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เมื่อวันพฤหัสบดีบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐลดลงในเดือนธ.ค.เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง ซึ่งเพิ่มความหวังว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.08% สู่ระดับ 102.2110
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยหนุนราคาทองด้วย โดยจะลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มการซื้อทองคำเพิ่มขึ้นในจีนก่อนถึงเทศกาลวันหยุดตรุษจีน ซึ่งจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.นี้