สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดิ่งลงในวันศุกร์ (3 ก.พ.) โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 54.2 ดอลลาร์ หรือ 2.81% ปิดที่ 1,876.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. โดยเป็นการร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2564 และร่วงลง 2.7% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.21 ดอลลาร์ หรือ 5.12% ปิดที่ 22.405 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 52.3 ดอลลาร์ หรือ 5.06% ปิดที่ 980.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 24.20 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,618.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 1,900 ดอลลาร์ โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นและดอลลาร์ที่แข็งค่า หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับผลกระทบจากความกังวลที่ว่า ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะเป็นปัจจัยหนุนการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ลดความต้องการซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยด้วย โดยสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐอยู่ที่ 55.2 ในเดือนม.ค. โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ