สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (10 ก.พ.) โดยราคาทองคำถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ 1,874.5 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวลง 0.1% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 6.8 เซนต์ หรือ 0.31% ปิดที่ 22.075 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 12.4 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 951.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 91.8 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 1,524.9 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.38% สู่ระดับ 103.6290 โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 66.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 65.1 จากระดับ 64.9 ในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 72.6 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวลงสู่ระดับ 62.3
นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาทองจะยังคงปรับตัวในกรอบแคบ ๆ ขณะนักลงทุนรอการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันอังคารหน้า (14 ก.พ.)
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดด้วย