สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (17 ก.พ.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรถ่วงราคาทองลง ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,850.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลง 1.3% ในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.5 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 21.715 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 9.6 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 921.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 33.20 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 1,492.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักลงทุนวิตกว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในปีนี้ สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50%
รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับ FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค., พ.ค. และมิ.ย. ครั้งละ 0.25% สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค.
ด้านนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.
บรรดานักลงทุนจะยังคงจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมทั้งการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.ในสัปดาห์หน้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด