ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงใกล้หลุดระดับ 1,840 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนขายลดความเสี่ยง ก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในคืนนี้
ณ เวลา 20.13 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลบ 10.20 ดอลลาร์ หรือ 0.55% สู่ระดับ 1,844.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มี.ค.
ทั้งนี้ นายพาวเวลเตรียมกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ โดยจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 มี.ค.) เฟดได้เผยแพร่รายงานรอบครึ่งปีดังกล่าว โดยระบุว่า นายพาวเวลจะกล่าวย้ำต่อสภาคองเกรสว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมองว่ามีความจำเป็นมากขึ้นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อซึ่งไม่ได้ชะลอตัวลงตามที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และเฟดจะควบคุมให้เงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
"เฟดตระหนักดีว่าเงินเฟ้อที่พุ่งสูงได้สร้างความยากลำบากอย่างมาก โดยเฉพาะต่อผู้ที่ไม่สามารถรับมือกับสินค้าจำเป็นที่มีราคาพุ่งสูง" รายงานระบุ
นอกจากนี้ เฟดย้ำว่าการสกัดให้เงินเฟ้อลดต่ำลงจะส่งผลให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวต่ำกว่าแนวโน้ม และทำให้ตลาดแรงงานอ่อนแอลง เนื่องจากขณะนี้ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งอย่างมาก เฟดจึงต้องลดความร้อนแรงลงเพื่อสกัดเงินเฟ้อในภาคบริการ ซึ่งยังคงอยู่สูงเกินไป
ขณะเดียวกัน รายงานเฟดระบุว่า ตลาดยังคงดำเนินไปอย่างเป็นระบบ แต่สภาพคล่องยังคงอยู่ในระดับต่ำในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตร และสภาวะการเงินมีความตึงตัวอย่างมากนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2565 แต่มูลค่าในตลาดหุ้นยังคงปรับตัวสูงขึ้น แม้มีการคาดการณ์ผลประกอบการที่ลดต่ำลง
ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้นเกินคาดถึง 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.