สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันอังคาร (21 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อวันจันทร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 41.70 ดอลลาร์ หรือ 2.10% ปิดที่ระดับ 1,941.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 22.10 เซนต์ หรือ 0.98% ปิดที่ 22.425 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 20.10 ดอลลาร์ หรือ 2.02% ปิดที่ 976.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 17.50 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,383.10 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 2 วันทำการ และแตะที่ระดับ 1,982.80 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันจันทร์ (20 มี.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2565
นอกจากนี้ การที่ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า ระบบธนาคารของสหรัฐมีเสถียรภาพ หลังจากทางการสหรัฐออกมาตรการคลี่คลายวิกฤตสภาพคล่อง และรัฐบาลพร้อมที่จะดำเนินการมากขึ้นหากพบว่าวิกฤตการณ์ลุกลามออกไป
นางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่า การที่ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐอัดฉีดเม็ดเงินในรูปเงินฝากจำนวน 3 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ถือเป็นการแสดงความเชื่อมั่นต่อระบบธนาคารของสหรัฐ
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันพุธ (22 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.) ตามเวลาไทย ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของเฟดในการรับมือกับวิกฤตการณ์ในระบบธนาคาร และเฟดจะยังคงให้ความสำคัญกับการสกัดเงินเฟ้อ