สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีในวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 46.30 ดอลลาร์ หรือ 2.37% ปิดที่ 1,995.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 2565
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 2.06% ปิดที่ 23.256 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.90 ดอลลาร์ หรือ 0.60% ปิดที่ 992.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 12.90 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,432.80 ดอลลาร์/ออนซ์
คณะกรรมการเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (22 มี.ค.) ตามการคาดการณ์ของตลาด พร้อมส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.8% ในปี 2567 และ 1.2% ในปี 2568
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาทอง พร้อมกับระบุว่าทองเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน โดยโกลด์แมน แซคส์คาดว่าราคาทองจะพุ่งแตะระดับ 2,050 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1,950 ดอลลาร์
รายงานระบุว่า ราคาทองได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์, การเปิดประเทศของจีน, คำสั่งซื้อของธนาคารกลาง และความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งกระแสไหลเข้าของกองทุน ETF หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยของเฟดแตะระดับสูงสุด