สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (14 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่มีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนหน้า
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 39.50 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ 2,015.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลง 0.5% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 46.50 เซนต์ หรือ 1.79% ปิดที่ 25.46 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 11.50 ดอลลาร์ หรือ 1.08% ปิดที่ 1,054.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,496.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.59% แตะที่ 101.6179 ในวันศุกร์
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นายออสตัน กูลสบี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีในวันศุกร์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และเขาได้เรียกร้องให้เฟดกำหนดนโยบายการเงินอย่างรอบคอบ
นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า นโยบายการเงินยังจำเป็นต้องตึงตัวต่อไปอีกระยะ และยาวนานกว่าที่ตลาดคาดไว้
ส่วนนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% นั้น จะทำให้เฟดสามารถยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยความเชื่อมั่นว่า อัตราเงินเฟ้อจะค่อย ๆ กลับสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยในวันศุกร์เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง โดยกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ราคานำเข้าลดลง 0.6% ในเดือนมี.ค. หลังลดลง 0.2% ในเดือนก.พ. และลดลงมากกว่าคาด และเมื่อเทียบเป็นรายปี ราคานำเข้าร่วงลง 4.6%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกลดลง 1% ในเดือนมี.ค. มากกว่าที่คาดไว้ว่าอาจลดลง 0.4% และมากกว่าการลดลง 0.2% ในเดือนก.พ.