สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (18 เม.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนตลาด
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 12.70 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 2,019.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 17.50 เซนต์ หรือ 0.70% ปิดที่ 25.263 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 37.70 ดอลลาร์ หรือ 3.56% ปิดที่ 1,097.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 82.40 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 1,642.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.36% แตะที่ 101.7404 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับ 3.579% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ลุคแมน โอทูนากา นักวิเคราะห์จากบริษัท FXTM กล่าวว่า การอ่อนค่าของดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐช่วยพยุงราคาทองคำฟื้นตัว หลังจากราคาดิ่งลงไปกว่า 2% ในช่วง 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาทองจะผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวานนี้ว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อต่อไป และเขามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอยในเร็ว ๆ นี้
ขณะที่นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อวานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ก่อนที่จะพักการดำเนินการด้านดอกเบี้ยเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน