สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (19 เม.ย.) โดยได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 12.40 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 2,007.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 10.80 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 25.371 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 8.40 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ปิดที่ 1,105.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 24.10 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,618.80 ดอลลาร์/ออนซ์
จิม วิคคอฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco กล่าวว่า ราคาทองคำถูกกดดันจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการแข็งค่าของดอลลาร์ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินเฟ้อของอังกฤษที่อยู่ในระดับสูงมาก
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.23% แตะที่ระดับ 101.9695 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.625% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักลงทุนให้น้ำหนัก 88.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 11.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 97% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. หลังจากอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่า 10% และอยู่ในระดับสูงสุดของยุโรปตะวันตก