สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (5 พ.ค.) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐในเดือนเม.ย.ทำให้เกิดความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ซึ่งจะลดความน่าสนใจในการลงทุนทองคำ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 30.90 ดอลลาร์ หรือ 1.50% ปิดที่ 2,024.80 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ปิดบวก 1.3% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 29.70 เซนต์ หรือ 1.13% ปิดที่ 25.93 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 18 ดอลลาร์ หรือ 1.71% ปิดที่ 1,068.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 45.20 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 1,486.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. มากกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง แม้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงและเกิดวิกฤติภาคธนาคาร ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจอยู่ที่ 3.6% และทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2512 ขณะเดียวกันตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญตัวหนึ่งนั้น เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ทั้งรายเดือนและรายปี
ตลาดแรงงานที่ยังคงตึงตัวทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่า เฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ โดยเครื่องมือ Fedwatch ของ CMEGroup บ่งชี้ว่า มีโอกาส 3.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ