สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (10 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรในช่วงท้ายตลาด หลังราคาทองพุ่งขึ้นในช่วงแรก ขานรับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 2,037.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 25.658 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.10 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 1,119.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 25.40 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,605.10 ดอลลาร์/ออนซ์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CP ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.0% และชะลอตัวจากระดับ 5.0% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.1% ในเดือนมี.ค.
เอดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ OANDA กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้น ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 0.7% หลังจากดัชนี CPI เดือนเม.ย.อยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่จากนั้นนักลงทุนเริ่มเทขายทำกำไร หลังจากพิจารณาว่าดัชนี CPI สอดคล้องกับการคาดการณ์เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางราย ซึ่งรวมถึง โรนา โอคอนเนลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัท StoneX คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นทำนิวไฮอีกครั้ง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย วิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐจะเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย