สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (24 พ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2566 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 9.90 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ 1,964.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 38.40 เซนต์ หรือ 1.63% ปิดที่ 23.24 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 28.10 ดอลลาร์ หรือ 2.66% ปิดที่ 1,029.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 48.60 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 1,398.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.28% แตะที่ระดับ 103.4864 เมื่อคืนนี้
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์จากบริษัท OANDA กล่าวว่า แม้นักลงทุนส่วนหนึ่งเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากการเจรจาเพดานหนี้ของสหรัฐยังไม่คืบหน้า แต่การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้ราคาทองคำแกว่งตัวตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะปิดตลาดในแดนลบ โดยดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่องหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้ออกมาสนับสนุนการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 1/2566 ของสหรัฐในวันนี้ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย.ในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)