สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (22 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางหลายแห่งพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางอังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์ และตุรกี นอกจากนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังส่งสัญญาณในระหว่างการแถลงต่อสภาคองเกรสวันที่ 2 ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 21.20 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,923.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 34.30 เซนต์ หรือ 1.50% ปิดที่ 22.467 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 22.50 ดอลลาร์ หรือ 2.37% ปิดที่ 926.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 63 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 1,281 ดอลลาร์/ออนซ์
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%
ธนาคารกลางนอร์เวย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% สู่ระดับ 3.75% เมื่อวานนี้ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับขึ้นเพียง 0.25% ขณะที่ธนาคารกลางตุรกีประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 6.50% สู่ระดับ 15.00% และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.75% เมื่อวานนี้
นอกจากนี้ นายพาวเวลได้แถลงต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย โดยย้ำว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่คาดการณ์ไว้ พร้อมเสริมว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คิดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่ในกรอบ 5.50-5.75%
ทั้งนี้ การที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังส่งผลให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.30% แตะที่ระดับ 102.3849 เมื่อคืนนี้