สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันพุธ (6 ก.ย.) โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.40 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ 1,944.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 37.00 เซนต์ หรือ 1.55% ปิดที่ 23.503 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 18.20 ดอลลาร์ หรือ 1.95% ปิดที่ 915.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.30 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,210.70 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นทะลุระดับ 5% เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ลุคแมน โอตูนูกา นักวิเคราะห์จากบริษัท FXTM กล่าวว่า ดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐทำให้ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และอาจทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 54.5 ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.5 จากระดับ 52.7 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
CME Group ระบุว่า หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี ISM ภาคบริการ นักลงทุนให้น้ำหนัก 48.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 1 พ.ย. และให้น้ำหนัก 93% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้