ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดวิตกว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยืดเยื้อ และลุกลามออกนอกภูมิภาค
ณ เวลา 19.11 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 1.50 ดอลลาร์ หรือ 0.08% สู่ระดับ 1,995.00 ดอลลาร์/ออนซ์
นายไซอิด ฮัสซัน นาสราลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เตรียมประกาศท่าทีของทางกลุ่มต่อการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งจะเป็นการกล่าวปราศรัยต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสบุกข้ามพรมแดนโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค.
การกล่าวปราศรัยดังกล่าวจะมีขึ้นในวันนี้เวลา 15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือคืนนี้เวลา 20.00 น.ตามเวลาไทย
ทั่วโลกจับตาการประกาศของนายนาสราลเลาะห์ ซึ่งจะบ่งชี้บทบาทของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ หลังจากที่เขาเคยขีดเส้นตายก่อนหน้านี้ว่า หากอิสราเอลไม่หยุดรุกรานฉนวนกาซาภายในวันที่ 3 พ.ย. กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ก็จะเข้าทำสงครามโดยตรงกับอิสราเอล
นอกจากนี้ ราคาทองได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง ทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ขณะเดียวกัน ราคาทองได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว
นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังจากที่เฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมสัปดาห์นี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 80.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนม.ค., มี.ค.และพ.ค.ของปี 2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนต.ค.