สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (3 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลง หลังจากการเปิดเผยรายงานการจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดได้ตอกย้ำการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.70 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,999.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 43.90 เซนต์ หรือ 1.92% ปิดที่ 23.285 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 13.70 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 944.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 17.70 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 1,128.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ขณะเดียวกัน ราคาทองได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนม.ค.2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 188,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.8%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดวิตกว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยืดเยื้อ และลุกลามออกนอกภูมิภาค