สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (29 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 6.90 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 2,067.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 14.10 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 25.443 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8.80 ดอลลาร์ หรือ 0.93% ปิดที่ 941.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 27.80 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1041.50 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงแตะระดับ 4.286% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดิ่งหลุดจากระดับ 4.3%
ทั้งนี้ การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
สำหรับปัจจัยที่ฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลงเมื่อคืนนี้ มาจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.4% ในเดือนก.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.7% ในเดือนก.ย.