คอมเมิร์ซแบงค์ เอจี ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของเยอรมนี ออกรายงานระบุว่า ราคาทองมีแนวโน้มพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2,150 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากที่เฟดประกาศปิดฉากดอกเบี้ยขาขึ้น
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง ทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนมี.ค.2567 จากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนพ.ค.2567 หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณยุติวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567 ในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC)
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%