สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 2,051.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 4.60 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 24.585 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 970.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,228.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.56% แตะระดับ 101.8449 เมื่อคืนนี้ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังจากกระทรวงพาณิช์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2566 โดยระบุว่า GDP สหรัฐขยายตัว 4.9% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.1% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 อยู่ที่ระดับ 4.9% และ 5.2% ตามลำดับ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.0% ในเดือนต.ค. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าจะปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.5% ในเดือนต.ค.