ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ณ เวลา 08.05 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 15.40 ดอลลาร์ หรือ +0.68% แตะที่ระดับ 2,272.50 ดอลลาร์/ออนซ์
โจเซฟ คาวาโทนี นักกลยุทธ์ตลาดของสภาทองคำโลก (WGC) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า "ผมคิดว่านี่เป็นช่วงขาขึ้นของตลาดทองคำ โดยสิ่งที่เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำคือการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง"
นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
คาวาโทนียังกล่าวด้วยว่า นับจนถึงขณะนี้ ราคาทองคำยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ อันเนื่องมาจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์, ปัญหาเงินเฟ้อในประเทศ และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ซีซาร์ ไบรอัน ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของบริษัทกาเบลี ฟันด์ส (Gabelli Funds) กล่าวว่า ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้นในต่างประเทศ โดยในประเทศจีนนั้น กลุ่มนักลงทุนเอกชนต่างก็หันไปลงทุนในทองคำเนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวลง นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของจีนยังคงอ่อนแอ ขณะที่ตลาดหุ้นและค่าเงินของจีนทำผลงานย่ำแย่เช่นกัน