สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (18 เม.ย.) เนื่องสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 9.60 ดอลลาร์ หรือ 0.40% ปิดที่ 2,398.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 28.38 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 954.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่ 1,038.50 ดอลลาร์/ออนซ์
อิสราเอลส่งสัญญาณว่าจะโจมตีอิหร่าน เพื่อตอบโต้ต่อการที่อิหร่านใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีดินแดนอิสราเอลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าสหรัฐและชาติพันธมิตรในฝั่งตะวันตกเรียกร้องให้อิสราเอลหลีกเลี่ยงการตอบโต้อิหร่านเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามเป็นวงกว้าง
เอเวอเร็ตต์ มิลแมน นักวิเคราะห์จากบริษัท Gainesville Coins กล่าวว่า ทุกครั้งเมื่อเกิดสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนจะแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เราคาดว่าหากความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น ก็อาจจะทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,500 - 2,600 ดอลลาร์ แต่หากมีการทำข้อตกลงพักรบ ราคาทองคำก็อาจจะร่วงลงแตะระดับ 2,200 ดอลลาร์
มิลแมนยังกล่าวด้วยว่า การที่ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรองนั้น ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
ทั้งนี้ นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย แม้สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ โดยสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 212,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแม้ว่าไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 215,000 ราย
เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้น 12.3 จุด สู่ระดับ +15.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +2.5 โดยดัชนียังคงมีค่าเป็นบวก ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกยังคงมีการขยายตัว