สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (30 เม.ย.) ขณะที่นักลงทุนเทขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ขณะที่มีรายงานการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 54.80 ดอลลาร์ หรือ 2.32% ปิดที่ 2,302.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 1.006 ดอลลาร์ หรือ 3.64% ปิดที่ 26.654 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 13.30 ดอลลาร์ หรือ 1.38% ปิดที่ 948.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 24.80 ดอลลาร์ หรือ 2.54% ปิดที่ 952.80 ดอลลาร์/ออนซ์
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.61% สู่ระดับ 106.221
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
บรรดานักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค.นี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ตลาดจะรอฟังถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดหลังการประชุม เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานอาจเพิ่มขึ้นเพียง 243,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. โดยชะลอตัวจากระดับ 303,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานอาจทรงตัวที่ระดับ 3.8%