ราคาทองคำ โลหะเงิน และพลาตินัม ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่นักกลยุทธ์หลายรายคาดการณ์ว่า ราคาโลหะมีค่าเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำสถิติสูงสุดระดับใหม่ในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ราคาโลหะมีค่าพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในวันพุธที่ผ่านมา (15 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ โดยราคาทองคำปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ ขณะที่ราคาโลหะเงินปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี และราคาพลาตินัมปรับตัวขึ้นใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี
ราคาทองสปอตปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 2,382 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเวลา 13.25 น.ตามเวลากรุงลอนดอนในวันพฤหัสบดี (16 พ.ค.) หลังจากปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.ในการซื้อขายของวันก่อนหน้า โดยราคาทองคำทำสถิติที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนราคาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 0.7% ในวันพฤหัสบดี แตะที่ระดับ 1,077 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังจากปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 2.4% ในการซื้อขายเมื่อวันพุธ
นักกลยุทธ์จากแซกโซแบงก์ (Saxo Bank) ระบุว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นทดสอบระดับ 2,400 ดอลลาร์/ออนซ์ในไม่ช้านี้ ขณะที่ราคาโลหะเงินจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 30 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพลาตินัมจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,130 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทรอธ แคปิตอล พาร์ตเนอร์ส (ROTH Capital Partners) คาดการณ์ว่า ราคาทองคำและโลหะเงินจะพุ่งขึ้นอีกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เจซี โอฮารา หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านเทคนิคของรอธ แคปิตอลกล่าวว่า "ราคาทองคำในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นอีก และอาจจะพุ่งขึ้นสูงกว่าสถิติที่เคยทำไว้ในเดือนเม.ย. โดยเราได้กำหนดเป้าหมายทางเทคนิคของราคาทองคำเอาไว้ที่ 2,600 ดอลลาร์"
"ส่วนราคาโลหะเงินนั้น เราคาดว่าราคาอาจจะพุ่งขึ้นทะลุระดับ 30 ดอลลาร์ และคาดว่าแนวต้านของโลหะเงินจะอยู่ที่ 35-37 ดอลลาร์" โอฮารากล่าว