สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (21 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังคงยืนที่เหนือระดับ 2,400 ดอลลาร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยและความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 12.60 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 2,425.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 34.8 เซนต์ หรือ 1.07% ปิดที่ 32.078 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 1,060.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,030.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 104.62 เมื่อคืนนี้ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นิโคลัส คาวาลิส กรรมการผู้จัดการบริษัท Metals Focus แสดงความเห็นว่า "ราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,449.89 ดอลลาร์ในการซื้อขายระหว่างวันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 พ.ค.) และภาพรวมของราคาทองคำยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ (22 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 64.8% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.