สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน หลังข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 55.70 ดอลลาร์ หรือ 2.32% ปิดที่ 2,337.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.041 ดอลลาร์ หรือ 3.31% ปิดที่ 30.455 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 19.30 ดอลลาร์ หรือ 1.84% ปิดที่ 1,030.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 29.60 ดอลลาร์ หรือ 2.95% ดอลลาร์ ปิดที่ 974.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.17% แตะที่ระดับ 105.108 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 54.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน จากระดับ 51.3 ในเดือนเม.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า การนำเข้าทองคำของอินเดียในปี 2567 ลดลงเกือบ 1 ใน 5 เนื่องจากราคาทองคำที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคนำเครื่องประดับชิ้นเก่าไปแลกเปลี่ยนเป็นชิ้นใหม่
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ของยูบีเอสยังคงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มทองคำ โดยปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 2,600 ดอลลาร์/ออนซ์ พร้อมกับแนะนำให้นักลงทุนช้อนซื้อทองคำในราคาที่ระดับ 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือต่ำกว่านั้น โดยระบุถึงสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอนและการที่ธนาคารกลางยังคงเข้าซื้อทองคำ