สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (24 พ.ค.) โดยตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.70 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 2,334.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 4.4 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 30.499 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 8.20 ดอลลาร์ หรือ 0.80% ปิดที่ 1,038.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ดอลลาร์ ปิดที่ 977.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,449.89 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ แต่ลดลงมากกว่า 100 ดอลลาร์แล้วนับตั้งแต่นั้น และลดลง 3% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. 2566
รายงานการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดที่เปิดเผยในสัปดาห์นี้บ่งชี้ว่า เฟดอาจใช้เวลานานกว่าคาดในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อลงสู่ระดับ 2%
การคาดการณ์ของเทรดเดอร์บ่งชี้ถึงความไม่แน่ใจมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่า 1 ครั้งในปีนี้ ขณะที่เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า มีโอกาสราว 63% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในเดือนพ.ย.ปีนี้
อัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงจะทำให้ทองคำที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยนั้นมีความน่าดึงดูดใจในการลงทุนลดลง
นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ แต่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 13% แล้วในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของจีน และความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องในด้านภูมิรัฐศาสตร์
ตลาดจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันที่ 31 พ.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)