สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (28 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 22 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 2,356.50ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.638 ดอลลาร์ หรือ 5.37% ปิดที่ 32.137 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 28.20 ดอลลาร์ หรือ 2.72% ปิดที่ 1,066.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 10 ดอลลาร์ หรือ 1.02% ปิดที่ 987.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นักวิเคราะห์ยังคงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ โดยนักวิเคราะห์จากเอเอ็นแซด (ANZ) กล่าวว่า ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และอุปสงค์ทองคำในประเทศจีนที่ปรับตัวสูงขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นราคาทองพุ่งขึ้นเช่นกัน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างข้อมูลจากสภาทองคำโลก (WGC) ว่า ผู้บริโภคชาวจีนซื้อเครื่องประดับทองคำจำนวนมากถึง 603 ตันในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2565 โดย WGC คาดการณ์ว่าความต้องการเครื่องประดับทองคำในจีนจะยังคงเพิ่มขึ้นในปี 2567
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (31 พ.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)