สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (29 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 15.30 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 2,341.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 23.6 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 32.373 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 18.90 ดอลลาร์ หรือ 1.77% ปิดที่ 1,047.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 11.50 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 976.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาทองคำได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นอกจากนี้ การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดในเชิงสนับสนุนให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่ 4.6% ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.46% แตะที่ระดับ 105.098 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า เขาต้องการเห็นข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายเดือนเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลงก่อนที่เขาจะสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นอีก