สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (7 มิ.ย.) หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐทำให้นักลงทุนลดการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ได้ระงับการซื้อทองคำในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 65.90 ดอลลาร์ หรือ 2.76% ปิดที่ 2,325.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยลดลงเกือบ 1% ในรอบสัปดาห์นี้ และลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 1.927 ดอลลาร์ หรือ 6.14% ปิดที่ 29.44 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 40.50 ดอลลาร์ หรือ 4.00% ปิดที่ 971.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 14.00 ดอลลาร์ หรือ 1.49% ปิดที่ 923.60 ดอลลาร์/ออนซ์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 272,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%
ข้อมูลดังกล่าวหนุนค่าเงินดอลลาร์ทะยานขึ้น ซึ่งทำให้ทองคำแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อต่างชาติที่ถือสกุลเงินอื่น
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.37% ภายในสิ้นเดือนธ.ค. จาก 0.48% ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงาน ขณะที่มีแนวโน้มมากขึ้นที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในเดือนพ.ย.แทนเดือนก.ย.
ฟิลลิป สตรีเบิล หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของบลู ไลน์ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า นักลงทุนขายทองคำและโลหะอื่น ๆ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐค่อนข้างแข็งแกร่ง และเฟดอาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกออกไป
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
บรรยากาศการซื้อขายทองคำยังถูกกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า จีนซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ได้ระงับการซื้อทองคำในเดือนพ.ค. หลังจากซื้อต่อเนื่อง 18 เดือนติดต่อกัน