สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ (8 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น หลังจากดัชนี S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 34.20 ดอลลาร์ หรือ 1.43% ปิดที่ 2,363.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 77.60 เซนต์ หรือ 2.45% ปิดที่ 30.913 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 32.50 ดอลลาร์ หรือ 3.11% ปิดที่ 1,013.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 24.90 ดอลลาร์ หรือ 2.40% ปิดที่ 1,014.70 ดอลลาร์/ออนซ์
บ็อบ เฮเบอร์คอร์น นักกลยุทธ์ด้านการตลาดจากบริษัท RJO Futures กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นขานรับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐทำผลงานแข็งแกร่งในเดือนนี้ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำและเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
อย่างไรก็ดี เฮเบอร์คอร์นกล่าวว่า "ราคาทองคำมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นอีก เนื่องจากกระแสคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาด โดยขณะนี้นักลงทุนเชื่อว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. และมีแนวโน้มว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค."
ทั้งนี้ การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (5 ก.ค.) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 206,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 218,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันนี้ (9 ก.ค.) และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธ (10 ก.ค.)