ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 50 ดอลลาร์ ใกล้หลุดระดับ 2,400 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังราคาพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้
ณ เวลา 19.55 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลบ 51.20 ดอลลาร์ หรือ 2.08% สู่ระดับ 2,405.20 ดอลลาร์/ออนซ์
นอกจากนี้ ราคาทองถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกันจากคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ซิตี้กรุ๊ปออกรายงานวิจัยระบุว่า ราคาทองจะพุ่งแตะ 2,700-3,000 ดอลลาร์ในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย., พ.ย. และธ.ค. จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในเดือนก.ย.และธ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า ราคาทองจะได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขานรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลงในสหรัฐ รวมทั้งคำสั่งซื้อทองของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์