สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (1 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 7.80 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ 2,480.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 46.1 เซนต์ หรือ 1.59% ปิดที่ 28.477 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 15.90 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 970.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 30.10 ดอลลาร์ หรือ 3.25% ปิดที่ 895.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำได้รับปัจจัยบวกจากคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว หากเงินเฟ้อชะลอตัวลงตามคาด
นักวิเคราะห์จาก Glenmede คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มต้นจากเดือนก.ย. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ย., พ.ย. และธ.ค.
อัตราผลตอบแทนพันบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 3.997% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. และเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังกลุ่มฮามาสระบุว่า นายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาส ได้เสียชีวิตจากการที่อิสราเอลใช้ขีปนาวุธยิงถล่มที่พักของนายฮานิเยห์ในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังจากกองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีแบบเล็งเป้าหมายในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน เพื่อปลิดชีพผู้บัญชาการทหารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เนื่องจากมีส่วนรับผิดชอบต่อการยิงจรวดโจมตีที่ราบสูงโกลันและทำให้เด็กชาวอิสราเอลเสียชีวิตจำนวน 12 ราย