ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่งลงเกือบ 40 ดอลลาร์ ใกล้หลุดระดับ 2,430 ดอลลาร์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทอง สอดคล้องกับการเทขายในตลาดหุ้น หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซา
ณ เวลา 20.24 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลบ 38.20 ดอลลาร์ หรือ 1.55% สู่ระดับ 2,431.60 ดอลลาร์/ออนซ์
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาทองยังคงได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
นายออสแตน กูลสบี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า เฟดควรมีมาตรการตอบรับต่อสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอในเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยไม่ควรที่จะเข้มงวดเกินไปในขณะนี้
"ภารกิจของเฟดมีความชัดเจนมาก คือการทำให้การจ้างงานสูงสุด รวมทั้งรักษาเสถียรภาพของราคาและระบบการเงิน นี่เป็นสิ่งที่เราจะกระทำ ดังนั้น ถ้าสถานการณ์โดยรวมเริ่มส่งสัญญาณย่ำแย่ลง เราก็จะทำการแก้ไข" นายกูลสบีกล่าวในรายการ Squawk Box ของสำนักข่าว CNBC
ต่อคำถามที่ว่า ความอ่อนแอในตลาดแรงงานและภาคการผลิตจะทำให้เฟดมีมาตรการตอบรับหรือไม่ นายกูลสบีไม่ได้ตอบอย่างชัดเจนว่าเฟดจะดำเนินการอย่างไร แต่เขากล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลที่เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ถ้าหากเศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะอ่อนแอ
ด้านนายเจเรมี ซีเกล ศาสตราจารย์จาก Wharton School ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย กล่าวเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.75% หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
นอกจากนี้ นายซีเกลยังกล่าวว่า เฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างน้อยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนก.ย.
"นี่เป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยที่สุดที่เฟดควรกระทำ โดยอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขณะนี้ควรอยู่ระหว่าง 3.5-4.00%" นายซีเกลกล่าว
นายซีเกลระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินของเฟดจะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นให้ดีดตัวขึ้น เหมือนกับที่นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานเฟด ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.50% ในช่วงต้นปี 2544 หลังจากที่ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.2543 ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินดังกล่าวได้ช่วยให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมาก