สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (6 ส.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด อย่างไรก็ ราคาทองคำลดช่วงลบ โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารสหรัฐ (เฟด) และสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางซึ่งเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.80 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 2,431.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.9 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 27.216 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ 920.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 34.30 ดอลลาร์ หรือ 4.15% ปิดที่ 860.40 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 3.8% ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.27% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ฟาว้าด ราซัคซาดา นักวิเคราะห์จากบริษัท Forex.com กล่าวว่า การที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.ช่วยให้ราคาทองคำลดช่วงลบ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มรุนแรงและลุกลามเป็นวงกว้าง ยังทำให้ทองคำมีความน่าดึงดูดในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยเขาคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะช่วยหนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,500 ดอลลาร์ในไม่ช้านี้