สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (16 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ความตึงเครียดในตะวันออกกลางได้หนุนความต้องการทองคำด้วย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 45.40 ดอลลาร์ หรือ 1.82% ปิดที่ 2,537.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 2.8% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.436 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดที่ 29.264 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.70 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 962.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 6.70 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 943.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ลดลง 0.4% และลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้ว ซึ่งทำให้ทองคำมีราคาน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในวันศุกร์หน้า (23 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกของการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ในแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง
การเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนก.ค.ในสัปดาห์นี้ บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังลดลง ซึ่งอาจทำให้เฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนหน้า
นายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้แสดงสัญญาณว่าร้อนแรงเกินไป ดังนั้น เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางควรระมัดระวังในการคงนโยบายที่เข้มงวดไว้นานเกินกว่าที่จำเป็น
"ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ และความขัดแย้งที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้นที่อิหร่านอาจเข้าไปเกี่ยวข้อง รวมถึงสงครามในยูเครน ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย" เอเวอเร็ตต์ มิลแมน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของเกนส์วิลล์ คอยน์กล่าว