สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (20 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 2,550.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 22.1 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 29.953 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 7.30 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 955.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 915.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำปิดตลาดดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 2,500 ดอลลาร์ หลังจากดัชนีดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 69.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และให้น้ำหนัก 30.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
อาคาช โดชี หัวหน้านักวิเคราะห์ประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือของ Citi Research กล่าวว่า นอกเหนือจากความหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว ราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้เพิ่มการถือครองทองคำ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 ส.ค.) กองทุน SPDR Gold Trust เพิ่มการถือครองทองสู่ระดับ 859 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน
ทั้งนี้ โดชีคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,600 ดอลลาร์/ออนซ์ ภายในสิ้นปี 2567 และคาดว่าจะทะยานขึ้นแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ภายในช่วงกลางปี 2568
การประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล จะเริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีจนถึงวันเสาร์นี้ (22-24 ส.ค.) โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดจะกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์ที่ 23 ส.ค. เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักลงทุนต่างก็คาดหวังว่านายพาวเวลจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับจำนวนครั้งและช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งในปีนี้และปีหน้า