สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (13 ก.ย.) โดยยังคงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 30.10 ดอลลาร์ หรือ 1.17% ปิดที่ 2,610.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และในรอบสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้น 3.14%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.967 ดอลลาร์ หรือ 3.21% ปิดที่ 31.074 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 24.60 ดอลลาร์ หรือ 2.50% ปิดที่ 1,006.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 22.20 ดอลลาร์ หรือ 2.12% ปิดที่ 1,071.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทะลุระดับ 2,610 ดอลลาร์ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง ทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.25% สู่ระดับ 101.114
โจน ฟอสต์ ที่ปรึกษาอาวุโสของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ระบุในบทความที่มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลฉบับวันพฤหัสบดีว่า ถ้าหากเจ้าหน้าที่เฟดได้ข้อสรุปว่าพวกเขามีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ย.หรือธ.ค. พวกเขาก็ควรที่จะดำเนินการดังกล่าวในขณะนี้ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอยู่ห่างไกลที่สุดจากจุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเขา
นอกจากนี้ ฟอสต์ระบุว่า แม้เขาคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่จำเป็นต้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% แต่เขาก็มีความโน้มเอียงเล็กน้อยที่ต้องการให้เฟดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% และคิดว่ามีโอกาสที่เฟดจะดำเนินการดังกล่าวเช่นกัน
ความเห็นของฟอสต์สอดคล้องกับบิล ดัดลีย์ อดีตประธานเฟดสาขานิวยอร์กซึ่งกล่าวว่า มีโอกาสอย่างมากที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในการประชุมสัปดาห์หน้า
"ผมคิดว่ามีโอกาสอย่างมากที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ไม่ว่าพวกเขาจะทำเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม" ดัดลีย์กล่าว
นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักให้กับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในสัปดาห์หน้า หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงกว่าคาดในสัปดาห์นี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 49% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.นี้ หลังจากให้น้ำหนักเพียง 28% เมื่อวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 51% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย. หลังจากให้น้ำหนักมากถึง 72% ในวันพฤหัสบดี
หากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ก็จะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้ และครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งขณะนั้นเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงใกล้ 0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19