สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (25 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งไปจนถึงปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 2,684.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 41.2 เซนต์ หรือ 1.27% ปิดที่ 32.018 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 1,001.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 21.70 ดอลลาร์ หรือ 2.05% ปิดที่ 1,038.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 57.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 37.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์ของธนาคารรายใหญ่ซึ่งรวมถึง JPMorgan และ UBS คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 เนื่องจากกระแสเงินทุนจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ รวมทั้งแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก ซึ่งรวมถึงเฟด
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ อาจจะเป็นแรงหนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นด้วย เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวน ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย