สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (8 ต.ค.) โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่นักลงทุนลดความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 30.60 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 2,635.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.404 ดอลลาร์ หรือ 4.39% ปิดที่ 30.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 25.10 ดอลลาร์ หรือ 2.54% ปิดที่ 962.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 19.40 ดอลลาร์ หรือ 1.89% ปิดที่ 1,006.90 ดอลลาร์/ออนซ์
เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการซื้อขายโลหะของบริษัท High Ridge Futures กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักลงทุนลดความคาดหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงเกินคาด โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนัก 13.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 0.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รายงานระบุว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ไม่ได้ซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุนสำรองติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนก.ย. ซึ่งเหตุผลหลักมาจากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น โดย PBOC จีนยังคงถือครองทองคำที่ระดับ 72.8 ล้านออนซ์ ณ สิ้นเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานจะปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 3.2% เช่นกันในเดือนส.ค.