ราคาทองสปอตพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2,730 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในวันนี้ ส่วนราคาทองฟิวเจอร์พุ่งจ่อแตะ 2,750 ดอลลาร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินทั้งในเดือนพ.ย.และธ.ค. แม้มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลทำการสังหารนายยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส รวมทั้งความไม่แน่นอนต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.
ณ เวลา 18.25 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตบวก 14.61 ดอลลาร์ หรือ 0.54% สู่ระดับ 2,736.07 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ส่วนสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 19.70 ดอลลาร์ หรือ 0.72% สู่ระดับ 2,749.70 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค. แม้มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 90.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. รวมทั้งให้น้ำหนัก 73.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ราคาทองมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาส 1 ของปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากหลากหลายปัจจัยในตลาด
"การคาดการณ์มากขึ้นที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ย. และการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของอังกฤษและยุโรปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มากขึ้นอันเนื่องจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ได้ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ่อนตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทอง"
"มีโอกาสที่เราจะเห็นราคาทองเข้าใกล้ 3,000 ดอลลาร์ และระดับนี้จะกลายเป็นเป้าหมายของราคาทองในไตรมาสแรกของปี 2568" นายปีเตอร์ เอ แกรนท์ รองประธานของบริษัท Zaner Metals กล่าว
ด้านสมาคมตลาดทองคำแท่งแห่งลอนดอน (LBMA) คาดการณ์ว่าราคาทองจะแตะระดับ 2,941 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า