ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลงแตะระดับต่ำกว่า 2,750 ดอลลาร์ เนื่องจากเทรดเดอร์เทขายทำกำไร หลังราคาทองพุ่งแรงต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมาโดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมทั้งความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.
ณ เวลา 00.19 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 27.90 ดอลลาร์ หรือ -1.01% สู่ระดับ 2,731.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำร่วงลงจากระดับจิตวิทยาที่ 2,750 ดอลลาร์ในวันพุธ (23 ต.ค.) หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เมื่อวันอังคาร
ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นแรงผลักดันหลักที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินต่อไปในตะวันออกกลาง และความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส มีคะแนนนิยมสูสีกันในโพลสำรวจล่าสุด อีกทั้งผลสำรวจบางสำนักยังเผยว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งนักลงทุนมองว่าหากทรัมป์ชนะ อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านภูมิรัฐศาสตร์
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลต่อแนวโน้มราคาทองคือ การประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS เนื่องจากบรรดาชาติสมาชิก โดยเฉพาะรัสเซีย ต่างพยายามหาสกุลเงินทางเลือกนอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความท้าทายทางการเงินระดับโลกและนโยบายต่างประเทศที่เข้มงวดของสหรัฐฯ ทำให้ประเทศสมาชิก BRICS ต้องการกำหนดสกุลเงินใหม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่สกุลเงินใหม่นี้จะได้รับการหนุนหลังด้วยทองคำ ขณะที่ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ครอบครองทองคำรวมกันมากถึง 20% ของทั้งโลก